อาหาร 15 อย่างจากธรรมชาติที่จะช่วยบำรุงสายตาให้เป็นปกติ

Rate this post

โอกาสที่จะได้เห็นโลกอันอัศจรรย์นี้เป็นพรที่ยิ่งใหญ่ ดวงตาเป็นอวัยวะที่สำคัญที่สุดอย่างหนึ่ง มันจะช่วยให้คุณและสัมผัสสิ่งต่าง ๆ ได้โดยไม่ต้องสัมผัส ดังนั้นคุณต้องปกป้องการมองเห็นของคุณ แต่แน่นอนว่าปัจจัยกระตุ้นต่างๆ เช่น อายุ พันธุกรรม และอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ ที่ส่งผลต่อการมองเห็นของคุณ แต่คุณรู้หรือไม่ว่าอาหารที่คุณเลือกและการเลือกอาหารที่เหมาะสมอาหารเสริมบำรุงสายตาสามารถช่วยปกป้องการมองเห็นและเรตินาของคุณให้มีสุขภาพแข็งแรงได้? และในบทความนี้ เราได้รวบรวมอาหาร 15 ชนิดที่กินเพื่อปกป้องสายตาของคุณแล้ว ดังนั้นอย่ารอช้า!

อาหารบำรุงสายตา

1. แครอท

นอกจากแครอทจะเป็นผักที่มีสีสันสวยงามเพิ่มความหลากหลายแปลกตาให้กับจานอาหารของคุณแล้วนอกจากนี้แครอทยังมีประโยชน์มากด้วยเช่นกัน แครอทเต็มไปด้วยสารเบต้าแคโรทีนที่เป็นสารต่อต้านอนุมูลอิสระและสารตั้งต้นของวิตามิน A นักวิทยาศาสตร์พบว่าการบริโภคแครอทช่วยเพิ่มความสามารถในการมองเห็นในเวลากลางคืนและสามารถป้องกันการเสื่อมสภาพของสายตา (1) แครอทยังช่วยป้องกันความเสียหายจากการอักเสบซึ่งเป็นสาเหตุสำคัญของปัญหาสายตารวมไปถึงภาวะออกซิเดชั่นซึ่งสามารถสร้างอนุมูลที่ทำร้ายดวงตาเช่นกัน

คุณสามารถค้นหาสูตรอาหารต่าง ๆ สำหรับการทำซุปแครอทบนอินเทอร์เน็ตได้ หรือจะเป็นการประกอบอาหารอื่น ๆ ไม่ว่าจะเป็นการผัด หรือปรุงกับแกงอื่น ๆ  แต่แครอทที่ไม่ได้ผ่านการปรุงนั้นจะให้วิตตามินได้มากกว่า เพราะการผ่านกระบวนการความร้อนหรือการผสมแครอทไปกับอาหารประเภทอื่น ๆ อาจจะทำให้วิตตามินที่จะได้รับลดน้อยลงบ้าง คุณสามารถที่จะรับประทานแครอทเล่น ๆ ได้ หรือเพิ่มลงในจานสลัดของคุณ แต่อย่าลืมดื่มน้ำตามเยอะ ๆ นะ และอย่าทานแครอทในปริมาณที่มากเกินไปเพราะการได้รับวิตตามินเอมากเกินไปอาจจะก่อให้เกิดผลเสียต่อร่างกาย

2. ปลาที่มีกรดไขมันจำเป็นสูง

ปลาที่มีไขมันเป็นแหล่งอุดมไปด้วยกรดไขมันโอเมก้า3 และโอเมก้า 3 ช่วยลดการอักเสบโดยการปรับอัตราส่วนของกรดไขมันโอเมก้า 3 และโอเมก้า 6 ให้อยู่ในภาวะที่เหมาะสมของร่างกาย และเมื่อการอักเสบของร่างกายลดลง ระบบการทำงานของร่างกายก็เพิ่มภูมิคุ้มกันของร่างกายให้มากขึ้น นอกจากนี้ดวงตาของเราบริเวณใกล้จอประสาทตายังเต็มไปด้วย DHA ซึ่งเป็นกรดไขมันโอเมก้า 3 (2) ดังนั้นการทานปลาที่มีไขมันจำเป็น เช่น ปลาแซลลมอน หรือปลาทู่า ปลาแมคคาเรล นับเป็นประโยชน์สูงสุดต่อดวงตา

แต่ถ้าหากว่าคุณไม่ชอบกินปลา คุณสามารถทานอาหารเสริมน้ำมันปลาได้ ควรปรึกษาแพทย์ว่าอะไรที่เหมาะกับคุณ วิธีที่ดีที่สุดในการบริโภคปลาที่มีไขมันคือการย่าง เนื่องจากการทอดอาจทำให้คุณค่าอาหารลดลง

3. ผักโขม

ผักโขมที่อุดมไปด้วยวิตามิน E, A, B และ C แร่ธาตุต่าง ๆ เช่นธาตุเหล็ก สังกะสีและไฟโตนิวเทรียนท์ เช่นลูทีนและซีแซนทีน แคโรทีนอยด์ลูทีนและซีแซนทีน ที่มีคุณสมบัติต้านอนุมูลอิสระและต้านการอักเสบดังนั้นการบริโภคผักโขมในปริมาณที่เพียงพอทุกวันสามารถช่วยป้องกันการเสื่อมสภาพและต้อกระจก เนื่องผักโขมมีธาตุสังกะสีสูงจึงสามารถทำให้กระจกตามีสุขภาพดี

เพิ่มผักโขมในสมูทตี้ของคุณ หรือจะใส่ลงไปในซุปก็มีรสชาติดีเช่นกัน! เพิ่มผักโขมให้เด็กลงโดยการใส่ในแซนวิชหรือพาสต้า

4. ไข่

ไข่เต็มไปด้วยกรดอะมิโนที่จำเป็นและวิตามินที่สามารถละลายในน้ำและที่ละลายในไขมัน ไข่แดงถึงแม้จะมีโคเลสเตอรอลสูง แต่ก็เป็นแหล่งลูทีนและซีแซนทีนที่ดี (3)

กินไข่หนึ่งหรือสองฟองเพื่อให้ดวงตาของคุณแข็งแรง ไข่ต้มลวกหรือไข่ลวกที่ดีที่สุดและสามารถเติมลงในอาหารอื่นเพื่อเพิ่มรสชาติได้

5. ผลิตภัณฑ์นม

นมและโยเกิร์ตมีประโยชน์ต่อสุขภาพดวงตา นอกจากแคลเซียมและฟอสฟอรัสแล้วพวกผลิตภัณฑ์จากนมยังเต็มไปด้วยสังกะสีและวิตามินเอ วิตามินเอจะมีหน้าที่ช่วยปกป้องกระจกตาและสังกะสีช่วยส่งวิตามินเอไปยังดวงตาจากตับสังกะสียังช่วยคืนค่าการมองเห็นที่ดีและป้องกันต้อกระจกได้ด้วย

คุณสามารถดื่มนมในตอนเช้าหรือตอนกลางคืนก่อนเข้านอน ทานโยเกิร์ตหลังอาหารกลางวันหรือทานเป็นของว่าง

6. ถั่ว

ถั่วเป็นแหล่งไขมันและวิตามินอีที่ดีต่อสุขภาพซึ่งช่วยลดการอักเสบ มีการวิจัยว่าการบริโภคถั่วที่อุดมไปด้วยวิตามินอี สามารถช่วยป้องกันการเกิดต้อกระจกที่เกี่ยวข้องกับอายุ (4)

คุณสามารถรับประทานชนิดต่าง ๆ ผสมกันหนึ่งกำมือทุกวันเพื่อช่วยปรับปรุงและปกป้องดวงตาและการมองเห็นของคุณ แต่ระวังอย่ากินเพลินเกินไปนะ

7. ผักคะน้า

เช่นเดียวกันกับผักโขม ผักคะน้านั้นอุดมไปด้วยวิตตามิน แร่ธาตุ ไฟเบอร์ และลูทีน สารลูทีนนั้นช่วยลูทีนช่วยป้องกันแสงที่จะนำความเสียหายมาสู่ดวงตาและความเสียหายจากอนุมูลอิสระ ปกป้องดวงตาจากการเสื่อมสภาพและต้อกระจกที่เกี่ยวข้องกับอายุ (5)

8. โฮลด์เกรน

โฮลด์เกรน และธัญพืชคือแหล่งของใยอาหารไฟโตนิวเทรียนท์วิตามินและแร่ธาตุ สังกะสีและวิตามินอีเป็นสารอาหารหลักที่ช่วยในการดูแลสุขภาพตา วิตตามินและแร่ธาตุเหล่านี้จะช่วยปกป้องดวงตาจากการอักเสบและถูกทำลาย รับประทานคีนัว ถั่ว, ข้าวโอ๊ตและข้าวกล้องเพื่อบำรุงสุขภาพตา

9. หอยนางรม

หอยนางรมอุดมไปด้วยสังกะสีที่ช่วยปรับปรุงสุขภาพตา ทั้งนี้ทานหอยนางรมที่สดและสะอาดหรือรับประทานจากร้านอาหารที่มือชื่อเสียงน่าเชื่อถือได้

10. พริกหยวกแดง

พริกหยวกแดงเป็นแหล่งวิตตามิน A, E และ C ที่ดีเลยทีเดียว และมีซีแซนทีน ลูทีน และไฟโตนิวเทรียนท์สารเหล่านี้เป็นที่รู้จักกันดีในการปกป้องดวงตาจากการเสื่อมสภาพของจอประสาทตาและช่วยรักษาสุขภาพของจอประสาทตาที่ดี คุณสามารถนำมาปรุงอาหาร หรือผัด หรือจะกินแบบดิบ ๆ ได้เช่นกัน

11. บร็อคโคลี

บร็อคโคลี่เป็นผักที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพมากมี วิตามิน A, E, C และลูทีนที่มีอยู่ในบรอกโคลี จึงนับว่าเป็นอาหารที่บำรุงสายตาได้อย่างดีเยี่ยม ช่วยปกป้องสุขภาพสายตาของคุณโดยการป้องกันความเสียหายจากแสงและสารออกซิเดชั่น

12. เมล็ดทานตะวัน

เมล็ดทานตะวันดีต่อสุขภาพโดยรวม เนื่องจากเมล็ดทานตะวันจะอุดมไปด้วยวิตามินอีโปรตีนและไขมันที่ดีต่อสุขภาพ สารอาหารเหล่านี้ช่วยลดการอักเสบและกำจัดของเสียจากการเผาผลาญออกจากดวงตา (6)

เติมเมล็ดทานตะวันสักเล็กน้อยในชามอาหารเช้า สลัดหรือสมูทตี้ เพียงแค่นี้คุณก็จะได้รับคุณประโยชน์แล้วล่ะ

13. ผลไม้ชนิดกรด

ดวงตามีอัตราการเผาผลาญสูงและต้องการสารต้านอนุมูลอิสระอย่างต่อเนื่องเพื่อล้างสารพิษที่เกิดจากปฏิกิริยาการเผาผลาญ (7) ผลไม้รสเปรี้ยวเช่นส้ม, เบอร์รี่, และกีวี จะเต็มไปด้วยวิตามินซีซึ่งเป็นภูมิคุ้มกันที่น่าอัศจรรย์ เป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่ช่วยกำจัดอนุมูลอิสระที่เป็นอันตรายและจะช่วยปกป้องกล้ามเนื้อตาของคุณจากความเสียหายนอกจากนี้วิตามินซียังช่วยปรับปรุงสุขภาพของหลอดเลือดที่อยู่ในดวงตา

14. ถั่วและพืชตระกูลถั่ว

ถั่วและพืชตระกูลถั่วเป็นแหล่งของสังกะสีและไบโอฟลาโวนอยด์ สิ่งเหล่านี้ช่วยปกป้องจอประสาทตาและป้องกันความเสี่ยงของการเกิดต้อกระจก

รับประทานถั่วเลนทิล ถั่วแดง ถั่วเขียวและถั่วงอกในปริมาณที่เพียงพอเพื่อปรับปรุงสุขภาพตาของคุณ

15. มันหวานหรือมันม่วง

มันเทศและมันเทศสีม่วงช่วยปรับปรุงการมองเห็น (10) ดังที่ได้กล่าวมาแล้วสารสีเหลืองในอาหารนั้นมีซีแซนทีนและลูทีนผสมอยู่ มันฝรั่งหวานมีสารต้านอนุมูลอิสระเหล่านี้ที่ช่วยลดการอักเสบและล้างสารพิษ คุณสามารถบริโภคมันหวานอบหรือต้มเพื่อได้เพื่อวิตตามินที่มีคุณค่าต่อสายตา

 

วิธีถนอมสายตาและป้องกันดวงตาไม่ให้เกิดปัญหา

อาการนั้นสามารถช่วยบำรุงสายตาได้แบบง่าย ๆ แต่นอกจากอาหารแล้ว ยังมีวิธีอื่น ๆ ที่จะช่วยบำรุงสายตาและทำให้วิตตามินที่ได้รับจากอาหารทำงานได้อย่างเต็มที่เพื่อถนอมและบำรุงสายตาของคุณ

การบริหารดวงตา

คุณต้องบริหารสายตาเพื่อเสริมสร้างกล้ามเนื้อ การเพ่งมองแบบโฟหัสและไม่โฟกัส, กลอกตา, และการบริหารอื่น ๆ  ตัวอย่างของการบริการตา ตรวจสอบโพสต์นี้เพื่อทราบข้อมูลเพิ่มเติม

พรมน้ำบริเวณดวงตา

คนเรานั้นมักจะจดจ้องอยู่ที่คอมพิวเตอร์ ไอแผด หรือโทรศัพท์มือถือ แสงที่ออกมาจากอุปกรณ์เหล่านั้นอันตรายมาก และไม่ว่าเราจะทำการป้องกันจอมือถือเหล่านั้นกี่ชั้น สายตาก็ยังจะได้รับความเสียหายอยู่ดี การพรมน้ำบริเวณดวงตาทุก ๆ หนึ่งถึงสองชั่วโมงนับเป็นเรื่องที่ดี

พักผ่อนสายตาโดยการปิดตา

การทำงานดึกอาจจะทำให้คุณกลายเป็นนกฮูกได้ แต่สายตาของนกฮูกถูกสร้างมาให้ต่างจากตาของคนใช่ไหมล่ะ พักผ่อนสายตาสัก 2-3 นาทีโดยการปิดตา ลองทำทุก ๆ 30 นาทีแล้วคุณจะเห็นความแตกต่าง

ปรับแสง

ปรับแสงบนคอมพิวเตอร์โทรศัพท์มือถือและ iPad ของคุณ – มันจะช่วยปกป้องสายตาของคุณโดยการป้องกันการตั้งค่าแสง

สวมแว่นตาดำ

คุณต้องปกป้องสายตาจากแสงแดดและรังสียูวี หากคุณต้องออกนอกบ้านและมีแดดจ้า ควรสวมแว่นกันแดด

ใช้แว่นตาที่เหมาะสมกับดวงตา

ไปพบจักษุแพทย์เพื่อตรวจสายตา เพื่อจะได้ใช้แว่นสายตาที่เหมาะกับค่าการมองเห็นของคุณ

ดวงตาเป็นอวัยวะที่สำคัญมากดังนั้นดูแลดวงตาของคุณด้วยการรับประทานอาหารที่มีประโยชน์และเปลี่ยนแปลงวิถีชีวิตของคุณ ไชโย!

ตอบคำถามผู้อ่านโดยผู้เชี่ยวชาญ

โยคะช่วยให้สายตาดีขึ้นจริงหรือไม่?

           -โยคะสามารถช่วยได้ แต่ไม่สามารถป้องกันสายตาความเสียหายได้หากไม่ได้รับประทานอาหารที่มีประโยชน์และถนอมสายตาด้วยวิธีต่าง ๆ

การใส่แว่นทำให้สายตาแย่ลงหรือเปล่า?

-การใส่แว่นช่วยให้การมองเห็นชัดเจนขึ้น

ควรใส่แว่นตาเก่าไหม?

-เราควรเปลี่ยนแว่นตาทุก ๆ 10-12 เดือน

About Author


Anuman Chen

Terapeuta ประสบการณ์ 32 ปี มีพื้นเพมาจากจังหวัดลำปาง มีหน้าที่วินิจฉัยและรักษาผู้ป่วยด้วยโรคทางการรักษาต่างๆ รวมถึงโรคขององค์การนอกภาครัฐ (หู คอ จมูก) ระบบทางเดินหายใจ ระบบทางเดินอาหาร และระบบหัวใจและหลอดเลือด ผู้จัดการฝ่ายการแพทย์. ตรวจวินิจฉัย รักษา ป้องกัน ฟื้นฟูผู้ป่วยโรคหัวใจ โรคปอด โรคไขข้อ ระบบทางเดินปัสสาวะ ระบบประสาท และโรคทางหู คอ จมูก การวินิจฉัยและการรักษาโรคต่อไปนี้: ไอ เจ็บหน้าอก; การติดเชื้อทางเดินหายใจเฉียบพลัน (ARI), โรคทางเดินหายใจเฉียบพลันรุนแรง (ซาร์ส); อาหารเป็นพิษ; ไข้หวัดใหญ่; อาการน้ำมูกไหล; ความรู้สึกไม่สบายทั่วไป ปวดศีรษะ; ปวดข้อ; อุณหภูมิสูง.

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *